Filed under: Uncategorized
WorldFilm Festival of Bangkok 2007
Oct-Nov, 2007
ผีเสื้อและดอกไม้
Jay Chou
Zhang Yi Mou
Filed under: Uncategorized
ทัศนะวิจารณ์
- ดร.บวร ปภัสราทร
- 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 07:00:00
- ก้าวไกลวิสัยทัศน์ : ความบกพร่องในการแบ่งปันความรู้
-
ตามปกติแล้วเวลาที่ผู้คนจะบอกกล่าวเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างกัน ต้องตกลงกันในเรื่องสำคัญสามประการด้วยกันคือ ประการแรก จะบอกกล่าวกันผ่านช่องทางใด
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ถ้าอยู่ใกล้ ๆ กันก็ใช้เสียงพูดคุยบอกกล่าวกันได้โดยตรง ถ้าอยู่ไกลกันก็ใช้รูปภาพที่ต่างฝ่ายต่างมองเห็นเป็นช่องทางในการบอกกล่าวเรื่องต่าง ๆ ให้ได้ทราบทั่วกัน ถ้าอยู่ไกลกันมาก ๆ ก็ต้องตกลงกันก่อนว่าจะใช้ระบบโทรคมนาคมใดเป็นช่องทางในการบอกกล่าวระหว่างกัน
เมื่อตกลงกันในเรื่องช่องทางที่จะใช้ได้แล้วก็ต้องมาตกลงกันในเรื่องของภาษาที่จะใช้บอกกล่าวระหว่างกัน ถ้าเป็นคนในบ้านเมืองเดียวกันที่พูดจาภาษาเดียวกันก็ตกลงกันได้เกือบจะทันที ถ้าอยู่ในเมืองไทย จะบอกกล่าวอะไรกันก็ต้องใช้ภาษาไทย หากเป็นการบอกกล่าวในวงการที่เป็นสากลที่มีมากมายหลายภาษา ก็ต้องมาตกลงกันดูว่าจะใช้ภาษาอะไรในการพูดจาระหว่างกัน ซึ่งคราวนี้จะมีการถกเถียงกันมากกว่าเรื่องแรก ใครเก่งภาษาใดก็เชียร์ให้ใช้ภาษานั้น บางครั้งเลยกลายเป็นใครพวกมากกว่าก็ถือว่าให้ใช้ภาษาของพวกนั้น
ถ้าไม่มีการตกลงกันไว้ก่อนในเรื่องภาษาที่จะใช้บอกกล่าวกันแล้วคงไม่แตกต่างไปจากการดูภาพยนตร์ที่พูดภาษาต่างชาติ โดยไม่มีคำบรรยายภาษาไทย ดูไปก็ต้องเดากันไปว่าพระเอกจะทำอะไร ผู้ร้ายจะตอบโต้อย่างไร แต่ถ้าตกลงกันในเรื่องภาษากลางที่จะใช้ระหว่างกันไม่ได้ ก็ต้องหันไปใช้คนกลางมาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจ
ตกลงกันในเรื่องของสื่อกลางและภาษาที่จะใช้ได้แล้วก็ตามมาด้วยการตกลงกันว่า สาระที่จะบอกกล่าวกันนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องใด อยู่ในประเด็นใด บางครั้งอาจเคยเห็นผู้คนพูดจาภาษาเดียวกัน แต่บอกกล่าวกันไม่รู้เรื่อง คนบอกต้องการที่จะให้เกิดความเข้าใจในเรื่องหนึ่งแต่คนฟังกลับเข้าใจไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องมาจากการที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนเสียก่อนว่ากำลังจะบอกกล่าวเรื่องใด ภายใต้บริบทใด เจาะจงในประเด็นใดเป็นพิเศษ ซึ่งหากมีการตีกรอบกันให้ชัด ๆ มากเท่าใด โอกาสที่จะบอกกล่าวกันให้รู้เรื่องเข้าใจตรงกันก็มีมากขึ้น
งานวิจัยงานหนึ่งได้บอกไว้ว่า การบอกกล่าวความรู้ใด ๆ ระหว่างกันนั้นหากมีความบกพร่องสี่ประการเกิดขึ้นในระหว่างที่จะบอกกล่าวกันแล้ว ท่านว่าความรู้นั้นมิอาจจะส่งผ่านจากผู้ส่งไปถึงผู้รับได้
เริ่มจากความบกพร่องในการกำหนดจังหวะ เวลา และสถานที่ ถ้าไปตกลงกันว่าจะบอกกล่าวเรื่องการคำนวณต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการที่น้ำมันแพง และความวุ่นวายไม่รู้จบของการเมืองในสภา นอกสภา กันตอนหลังการจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงมื้อใหญ่ มีหวังที่จะไม่ได้เรื่องเพราะกลายเป็นฟังไปหลับไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไปบอกกล่าวเรื่องยาก ๆ ในเวลาที่ผู้คนไม่มีความพร้อม บอกกล่าวอย่างเก่งกาจและชัดเจนเพียงใด
โอกาสที่จะไม่เข้าใจก็มีอยู่มาก การเลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมจะช่วยให้การบอกกล่าวความรู้ต่าง ๆ เป็นไปอย่างได้ผลมากขึ้น
ถ้าพฤติกรรมของผู้บอกกล่าวความรู้มีความบกพร่อง ความรู้ก็ไปไม่ถึงผู้รับเช่นเดียวกัน ถ้าไปกำหนดให้คนที่ชอบพูดคำหนึ่งด่าคำหนึ่งผสมกันไปมาเป็นประจำ ไปบอกกล่าวเรื่องกริยามารยาทในการพูดคุยในหมู่ผู้บริหาร บอกอย่างไรความรู้ในเรื่องมารยาทก็ไม่เกิดขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้ที่กำลังบอกความรู้มีความบกพร่องในความรู้เรื่องนั้น
ถ้ากำหนดให้คนที่ละเมิดกติกามาตลอดชีวิตการทำงาน ไปบอกความรู้เรื่องการปฏิบัติตนตามกติกาเพื่อการเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร บอกไปแล้วแทนที่จะได้สมาชิกที่ดีเพิ่มขึ้น กลับกลายเป็นเพิ่มจำนวนสมาชิกในชมรมนิยมละเมิดกติกามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ดังนั้นจะกำหนดให้ใครบอกกล่าวสิ่งที่เป็นความรู้ในเรื่องใด ขอให้พิจารณาดูให้ดีว่าคน ๆ นั้นบกพร่องในความรู้เรื่องนั้นหรือไม่ ขอให้ระวังจะกลายเป็นแม่ปูที่มาสอนให้ลูกปูเดินตรง ๆ
ในขณะเดียวกัน ความบกพร่องในทัศนะคติของฝ่ายที่เป็นผู้รับความรู้ก็มีผลต่อประสิทธิผลในการบอกกล่าวความรู้เช่นเดียวกัน ถ้ามีทัศนะคติต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่คงเส้นคงวา ความรู้ที่บอกกล่าวกันไปภายใต้ทัศนะคติหนึ่ง เป็นที่ยอมรับเป็นที่เข้าใจกันได้ แต่พอทัศนะคติเปลี่ยนไป ก็ปิดใจไม่ยอมรับความรู้นั้นกันเสียอีก บอกความรู้เกี่ยวกับการค้าขายในตลาดที่มีการแข่งขันโดยเสรี ก็กลับมีทัศนะคติว่าเป็นเรื่องของทุนนิยมข้ามชาติ ไม่ควรใส่ใจกับความรู้นั้น
ความบกพร่องในความสัมพันธ์ระหว่างผู้บอกความรู้กับผู้รับความรู้ เป็นสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้การบอกกล่าวความรู้ไม่ได้ผล ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากันแล้ว จะบอกความรู้อะไรมา ก็ไม่ยอมรับยอมฟังทั้งสิ้น หรือถ้ารับฟังมาแล้วก็จะหาทางตีความไปทางที่เสียหาย เมื่อไม่ถูกกันแล้ว บอกอะไรมาก็คิดไปเป็นคำด่าทอติเตียนได้เสียทั้งหมด เรื่องนี้เห็นได้ชัด ๆ จากบ้านเมืองที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตาไม่ชอบหน้ากัน เราจะเห็นกันว่าบ้านเมืองนั้นมักเจริญเติบโตตามยถากรรม จะร่ำรวยขึ้นมาก็เพราะคนอื่นทำให้และไม่ยั่งยืน โอกาสที่จะโตแบบก้าวกระโดดแทบไม่ มี เพราะความรู้ที่มีอยู่เอามาแบ่งปันกันใช้ไม่ได้ ไม่ชอบหน้ากันจนกระทั่งยอมโง่ดีกว่าจะขอความรู้จากฝ่ายที่ตนไม่ชอบหน้า
นักปราชญ์ด้านการจัดการความรู้แนะนำสารพัดวิธีการในการแบ่งบันความรู้ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีที่ดีวิเศษเพียงใด ความรู้ก็ไม่กระจายไปไหน หากอยู่ในกลุ่มผู้คนที่อุดมความบกพร่องตามที่กล่าวมา คนกลุ่มนี้แทนที่จะแบ่งปันความรู้ พวกเขากลับสนุกอยู่กับการกระจายความทุกข์ให้กันและกัน จนกระทั่งวาระสุดท้ายมาถึงก็ยังไม่รู้ตัว
Filed under: Uncategorized
ส+อิกขะ (สิกขะ) = ศึกษา = การดูตัวเองด้วยตัวเอง อันเป็นหัวใจหลักของการศึกษา (*)
(*) เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
22 สิงหาคม 2551 บันทึกไว้ในมติชนรายสัปดาห์
Filed under: Uncategorized